โรคปริทันต์ คืออะไร
โรคปริทันต์ คือ ภาวะอักเสบของเนื้อเยื่อปริทันต์หรือเอ็นยึดปริทันต์ (periodontal ligament) ซึ่งทำหน้าที่ยึดเหงือก กระดูกรองรับรากฟัน และตัวฟันเข้าด้วยกัน โดยอาการเริ่มต้นของโรคมักมาจากเหงือกอักเสบ (gingivitis) หากไม่ได้รับการรักษา จะพัฒนาไปเป็นโรคปริทันต์อักเสบ (periodontitis) ซึ่งเป็นโรคเหงือกที่รุนแรงและเรื้อรัง
โรคปริทันต์ สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
โรคปริทันต์เป็นโรคที่ค่อยๆ เกิดขึ้นจากเหงือกอักเสบที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยในระยะต้นอาจไม่มีอาการที่ชัดเจน แต่ความเสียหายของเนื้อเยื่ออาจทำให้เหงือกแยกออกจากฟันได้ในที่สุดและส่งผลให้ฟันโยก เพราะเหงือกไม่สามารถทำหน้าที่คลุมรากฟันและยึดฟันแต่ละซี่ได้ปกติได้
ปกติแล้วเหงือกจะเป็นสีชมพูอ่อน แต่หากเกิดการอักเสบ เหงือกจะมีสีแดงที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน การป้องกันจึงควรเริ่มตั้งแต่การตรวจเช็กและขูดหินปูนทุก 6 เดือน โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือมีโรคประจำตัว
สาเหตุของโรคปริทันต์เกิดจากอะไร
สาเหตุของโรคปริทันต์ส่วนใหญ่เกิดจากคราบจุลินทรีย์สะสม และเป็นการขูดคราบสกปรกที่อยู่ตามร่องเหงือกและใต้เหงือกไม่เพียงพอ โดยเฉพาะหากไม่ได้เข้ารับการขูดหินปูน (scaling) และการเกลารากฟัน (root planning) เป็นประจำทุก 6 เดือน
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่:
- การสูบบุหรี่
- โรคเบาหวาน
- ภาวะเครียดเรื้อรัง
- พฤติกรรมการดูแลช่องปากที่ไม่เหมาะสม
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ระยะของโรคปริทันต์
โรคปริทันต์อักเสบระยะต้น (Early Gingivitis)
เหงือกจะเริ่มแดง อ่อนนุ่ม มีเลือดออกง่าย อาจยังไม่มีการทำลายกระดูกรองรับรากฟัน แต่เราสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น เหงือกเปลี่ยนสี หรือมีกลิ่นปากแบบไม่ทราบสาเหตุ
โรคปริทันต์อักเสบระยะกลาง (Middle Periodontitis)
แบคทีเรียลึกลงไปประมาณ 3 มิลลิเมตร ในร่องเหงือก ทำลายเอ็นยึด และกระดูกรองรับรากฟัน ทำให้เหงือกร่น เริ่มมีฟันโยก และอาจเกิดฝีใต้เหงือก
โรคปริทันต์อักเสบระยะปลาย (Advanced Periodontitis)
เป็นระยะที่มีการทำลายกระดูกรองรับรากฟัน ทั้งซี่ฟันจนถึงปลายรากทำให้เกิดฝีปลายรากมีอาการปวดร่วมด้วย ทำให้เหงือกร่น และอาจต้องถอนฟัน ในระยะนี้ อาจสังเกตเห็นว่าฟันไม่แน่น ตัวฟันเคลื่อนได้
อาการของโรคปริทันต์ & โรคเหงือกอักเสบ (Symptoms)
- เหงือกบวม แดง มีเลือดออกง่าย (อาการเหงือกอักเสบ)
- มีกลิ่นปาก แม้เพิ่งแปรงฟัน
- เหงือกร่น เห็นรากฟัน
- ฟันโยก หรือขยับได้
- ขอบเรียบ ไม่บวม ไม่มีเลือดออก แต่ยังมีเชื้อโรคใต้เหงือก
การรักษาโรคปริทันต์ (Treatment Options)
- ขูดหินปูน และการเกลารากฟัน โดยจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที
- การผ่าตัด (flap surgery / periodontal surgery) ใช้ในกรณีที่โรคอยู่ในระดับลึก
- การดูแลต่อเนื่อง เข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 สัปดาห์ และขูดหินปูนทุก 6 เดือน
โรคเหงือก ปัญหาเล็กที่อาจลุกลามได้
โรคเหงือก หรือโรคเหงือกอักเสบ (gingivitis) คือภาวะอักเสบเบื้องต้นของเหงือกที่เกิดจากคราบจุลินทรีย์สะสม หากไม่รักษาอย่างเหมาะสมจะนำไปสู่การลุกลามของโรคปริทันต์
อาการเหงือกอักเสบ เช่น เหงือกบวม แดง หรือมีเลือดออกเวลาแปรงฟันซึ่งอาจดูเล็กน้อย แต่หากละเลย โรคนี้สามารถลุกลามลึกลงไปประมาณ 3 มิลลิเมตร และกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบที่ต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจังได้
แนวทางดูแลควรรวมถึงการขูดหินปูนและการเกลารากฟัน (root planning) การเคลือบรากฟัน และการตรวจติดตามทุก 6 สัปดาห์ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพเหงือกให้กลับมาสมดุล พร้อมรองรับแรงในการบดเคี้ยวได้อย่างมั่นใจ
ทำไมต้องใส่ใจโรคเหงือก
โรคปริทันต์เป็นโรคที่ค่อยๆ เกิดขึ้น หากไม่ใส่ใจจะนำไปสู่ความเสียหายของเนื้อเยื่อ อาจทำให้เหงือกแยกออกจากฟัน และส่งผลให้ฟันโยก เพราะเหงือกไม่สามารถทำหน้าที่คลุมรากฟันและยึดฟันแต่ละซี่ได้ปกติได้
ในระยะนี้ ต้องทำอะไรดี
หากคุณมีอาการใดๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบพบผู้เชี่ยวชาญทันตกรรมทันที เช่น ทีม periodontist หรือศัลย์ปริทันต์ ที่ The Smile Bar เพื่อประเมินและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
ทำไม The Smile Bar คือทางเลือกของเหงือกสุขภาพดี
- ทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและ hygienists มากประสบการณ์
- การรักษาภายใต้ความสะอาดระดับสแกนดิเนเวียน
- ใช้เทคโนโลยี LED ร่วมกับการดูแลเชิงลึก
- ให้คำปรึกษาชัดเจนทุกขั้นตอน และโปร่งใสเรื่องราคา
- รองรับลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ พร้อมรีวิว 5 ดาวกว่า 500 ราย
สรุป
โรคปริทันต์ หรือโรคเหงือกอักเสบ อาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่หากละเลยก็อาจนำไปสู่การสูญเสียฟันได้ การดูแลช่องปากอย่างถูกวิธีและเข้าพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน จะช่วยป้องกันการลุกลามของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปกติแล้วเหงือกจะเป็นสีชมพูอ่อน แต่หากเกิดการอักเสบเหงือกจะมีสีแดงที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน อย่ารอให้ปัญหาบานปลาย รีบดูแลก่อนสายเกินไป
พร้อมดูแลเหงือกของคุณตั้งแต่วันนี้
ต้องการตรวจสุขภาพเหงือก หรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคปริทันต์
นัดหมายกับผู้เชี่ยวชาญของ The Smile Bar กรุงเทพฯ ได้ง่ายๆ ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อสุขภาพเหงือกที่แข็งแรง และรอยยิ้มที่มั่นใจ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคปริทันต์
โรคปริทันต์ระยะที่ 4 มีอาการอย่างไร?
- ในระยะที่ 4 หรือระยะรุนแรงของโรคปริทันต์ ผู้ป่วยจะมีอาการเหงือกร่นอย่างเห็นได้ชัด ฟันโยกหรือขยับได้ อาจมีหนองหรือฝีที่ปลายรากฟัน และรู้สึกเจ็บปวดขณะเคี้ยวอาหาร กระดูกรองรับฟันจะถูกทำลายอย่างรุนแรง ซึ่งอาจต้องถอนฟันในที่สุดหากไม่เข้ารับการรักษาทันท่วงที
โรคปริทันต์ หายได้ไหม?
- หากอยู่ในระยะเริ่มต้น เช่น เหงือกอักเสบ (gingivitis) โรคสามารถหายได้โดยไม่ทิ้งผลถาวรเมื่อได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แต่หากลุกลามเป็นปริทันต์อักเสบ (periodontitis) แม้จะไม่สามารถฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายได้ แต่สามารถควบคุมและป้องกันการลุกลามได้ด้วยการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
โรคปริทันต์ในระยะที่ 2 จะก่อให้เกิดรอยโรคลักษณะใด?
- ในระยะที่ 2 หรือระยะปานกลางของโรคปริทันต์ ร่องเหงือกจะลึกขึ้นประมาณ 3 มิลลิเมตร มีการทำลายเอ็นยึดฟันและกระดูกรองรับรากฟันบางส่วน อาจเริ่มมีเหงือกร่น ฟันโยกเล็กน้อย และอาจพบฝีเล็ก ๆ ใต้เหงือก
Overdenture คืออะไร?
- Overdenture คือฟันปลอมที่ยึดติดกับรากฟันเดิมหรือรากฟันเทียม โดยมีความมั่นคงมากกว่าฟันปลอมแบบธรรมดา ช่วยเพิ่มความสบายในการเคี้ยว พูด และยิ้ม เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันหลายซี่แต่ยังมีโครงสร้างบางส่วนรองรับอยู่
รากฟันเทียม All-on-4 คืออะไร?
- All-on-4 คือเทคนิคการฝังรากฟันเทียมเพียง 4 ตำแหน่งต่อขากรรไกร เพื่อรองรับสะพานฟันทั้งแถบ เป็นวิธีที่ประหยัดเวลาและงบประมาณในการฟื้นฟูฟันทั้งปาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีฟันเหลือน้อยหรือไม่มีฟันเลย
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น โรคเหงือก?
- สัญญาณเบื้องต้นของโรคเหงือก ได้แก่ เหงือกบวม แดง มีเลือดออกง่ายขณะแปรงฟัน มีกลิ่นปากที่ไม่หายแม้จะทำความสะอาดอย่างดี หากพบอาการเหล่านี้ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากโดยทันตแพทย์เพื่อประเมินอย่างละเอียด
โรคปริทันต์ รักษายังไง?
- การรักษาโรคปริทันต์ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง โดยเริ่มจากการขูดหินปูนและเกลารากฟันเพื่อลดการอักเสบ ในบางกรณีอาจต้องผ่าตัดเหงือกหรือใช้วิธีปลูกกระดูกและเนื้อเยื่อร่วมด้วย การติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุก 6 สัปดาห์คือกุญแจสู่การควบคุมโรคในระยะยาว
โรคเหงือกอักเสบ เกิดจากอะไร ?
- โรคเหงือกอักเสบเกิดจากคราบจุลินทรีย์ที่สะสมบริเวณแนวเหงือก หากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ แบคทีเรียในคราบเหล่านี้จะทำให้เหงือกอักเสบ บวม และมีเลือดออก ซึ่งเป็นระยะเริ่มต้นก่อนพัฒนาไปสู่โรคปริทันต์