โรคปริทันต์คืออะไร? รู้จักอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันจากผู้เชี่ยวชาญ The Smile Bar

สิงหาคม 28, 2025
ผู้หญิงกำลังกุมเหงือกเพราะปวดฟัน

โรคปริทันต์ คืออะไร

โรคปริทันต์ คือ ภาวะอักเสบของเนื้อเยื่อปริทันต์หรือเอ็นยึดปริทันต์ (periodontal ligament) ซึ่งทำหน้าที่ยึดเหงือก กระดูกรองรับรากฟัน และตัวฟันเข้าด้วยกัน โดยอาการเริ่มต้นของโรคมักมาจากเหงือกอักเสบ (gingivitis) หากไม่ได้รับการรักษา จะพัฒนาไปเป็นโรคปริทันต์อักเสบ (periodontitis) ซึ่งเป็นโรคเหงือกที่รุนแรงและเรื้อรัง

 

โรคปริทันต์ สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

โรคปริทันต์เป็นโรคที่ค่อยๆ เกิดขึ้นจากเหงือกอักเสบที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยในระยะต้นอาจไม่มีอาการที่ชัดเจน แต่ความเสียหายของเนื้อเยื่ออาจทำให้เหงือกแยกออกจากฟันได้ในที่สุดและส่งผลให้ฟันโยก เพราะเหงือกไม่สามารถทำหน้าที่คลุมรากฟันและยึดฟันแต่ละซี่ได้ปกติได้

ปกติแล้วเหงือกจะเป็นสีชมพูอ่อน แต่หากเกิดการอักเสบ เหงือกจะมีสีแดงที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน การป้องกันจึงควรเริ่มตั้งแต่การตรวจเช็กและขูดหินปูนทุก 6 เดือน โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือมีโรคประจำตัว

 

สาเหตุของโรคปริทันต์เกิดจากอะไร

สาเหตุของโรคปริทันต์ส่วนใหญ่เกิดจากคราบจุลินทรีย์สะสม และเป็นการขูดคราบสกปรกที่อยู่ตามร่องเหงือกและใต้เหงือกไม่เพียงพอ โดยเฉพาะหากไม่ได้เข้ารับการขูดหินปูน (scaling) และการเกลารากฟัน (root planning) เป็นประจำทุก 6 เดือน

ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่:

  • การสูบบุหรี่
  • โรคเบาหวาน
  • ภาวะเครียดเรื้อรัง
  • พฤติกรรมการดูแลช่องปากที่ไม่เหมาะสม
  • โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ปัญหาเหงือกและฟันเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจลุกลามไปสู่ปัญหาใหญ่ที่แก้ไขได้ยากกว่า

 

ระยะของโรคปริทันต์

โรคปริทันต์อักเสบระยะต้น (Early Gingivitis)

เหงือกจะเริ่มแดง อ่อนนุ่ม มีเลือดออกง่าย อาจยังไม่มีการทำลายกระดูกรองรับรากฟัน แต่เราสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ เช่น เหงือกเปลี่ยนสี หรือมีกลิ่นปากแบบไม่ทราบสาเหตุ

โรคปริทันต์อักเสบระยะกลาง (Middle Periodontitis)

แบคทีเรียลึกลงไปประมาณ 3 มิลลิเมตร ในร่องเหงือก ทำลายเอ็นยึด และกระดูกรองรับรากฟัน ทำให้เหงือกร่น เริ่มมีฟันโยก และอาจเกิดฝีใต้เหงือก

โรคปริทันต์อักเสบระยะปลาย (Advanced Periodontitis)

เป็นระยะที่มีการทำลายกระดูกรองรับรากฟัน ทั้งซี่ฟันจนถึงปลายรากทำให้เกิดฝีปลายรากมีอาการปวดร่วมด้วย ทำให้เหงือกร่น และอาจต้องถอนฟัน ในระยะนี้ อาจสังเกตเห็นว่าฟันไม่แน่น ตัวฟันเคลื่อนได้

 

อาการของโรคปริทันต์ & โรคเหงือกอักเสบ (Symptoms)

  • เหงือกบวม แดง มีเลือดออกง่าย (อาการเหงือกอักเสบ)
  • มีกลิ่นปาก แม้เพิ่งแปรงฟัน
  • เหงือกร่น เห็นรากฟัน
  • ฟันโยก หรือขยับได้
  • ขอบเรียบ ไม่บวม ไม่มีเลือดออก แต่ยังมีเชื้อโรคใต้เหงือก

 

การรักษาโรคปริทันต์ (Treatment Options)

  • ขูดหินปูน และการเกลารากฟัน โดยจะใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที
  • การผ่าตัด (flap surgery / periodontal surgery) ใช้ในกรณีที่โรคอยู่ในระดับลึก
  • การดูแลต่อเนื่อง เข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 สัปดาห์ และขูดหินปูนทุก 6 เดือน

 

โรคเหงือก ปัญหาเล็กที่อาจลุกลามได้

โรคเหงือก หรือโรคเหงือกอักเสบ (gingivitis) คือภาวะอักเสบเบื้องต้นของเหงือกที่เกิดจากคราบจุลินทรีย์สะสม หากไม่รักษาอย่างเหมาะสมจะนำไปสู่การลุกลามของโรคปริทันต์

อาการเหงือกอักเสบ เช่น เหงือกบวม แดง หรือมีเลือดออกเวลาแปรงฟันซึ่งอาจดูเล็กน้อย แต่หากละเลย โรคนี้สามารถลุกลามลึกลงไปประมาณ 3 มิลลิเมตร และกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบที่ต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจังได้

แนวทางดูแลควรรวมถึงการขูดหินปูนและการเกลารากฟัน (root planning) การเคลือบรากฟัน และการตรวจติดตามทุก 6 สัปดาห์ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพเหงือกให้กลับมาสมดุล พร้อมรองรับแรงในการบดเคี้ยวได้อย่างมั่นใจ

หากปล่อยปละละเลย โรคเหงือกเล็กๆ อาจกลายเป็นโรคปริทันต์ที่แก้ไขได้ยาก

 

ทำไมต้องใส่ใจโรคเหงือก

โรคปริทันต์เป็นโรคที่ค่อยๆ เกิดขึ้น หากไม่ใส่ใจจะนำไปสู่ความเสียหายของเนื้อเยื่อ อาจทำให้เหงือกแยกออกจากฟัน และส่งผลให้ฟันโยก เพราะเหงือกไม่สามารถทำหน้าที่คลุมรากฟันและยึดฟันแต่ละซี่ได้ปกติได้

 

ในระยะนี้ ต้องทำอะไรดี

หากคุณมีอาการใดๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบพบผู้เชี่ยวชาญทันตกรรมทันที เช่น ทีม periodontist หรือศัลย์ปริทันต์ ที่ The Smile Bar เพื่อประเมินและวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล

 

ทำไม The Smile Bar คือทางเลือกของเหงือกสุขภาพดี

  • ทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและ hygienists มากประสบการณ์
  • การรักษาภายใต้ความสะอาดระดับสแกนดิเนเวียน
  • ใช้เทคโนโลยี LED ร่วมกับการดูแลเชิงลึก
  • ให้คำปรึกษาชัดเจนทุกขั้นตอน และโปร่งใสเรื่องราคา
  • รองรับลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติ พร้อมรีวิว 5 ดาวกว่า 500 ราย

 

สรุป

โรคปริทันต์ หรือโรคเหงือกอักเสบ อาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่หากละเลยก็อาจนำไปสู่การสูญเสียฟันได้ การดูแลช่องปากอย่างถูกวิธีและเข้าพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน จะช่วยป้องกันการลุกลามของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปกติแล้วเหงือกจะเป็นสีชมพูอ่อน แต่หากเกิดการอักเสบเหงือกจะมีสีแดงที่สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน อย่ารอให้ปัญหาบานปลาย รีบดูแลก่อนสายเกินไป

 

พร้อมดูแลเหงือกของคุณตั้งแต่วันนี้

ต้องการตรวจสุขภาพเหงือก หรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคปริทันต์
นัดหมายกับผู้เชี่ยวชาญของ The Smile Bar กรุงเทพฯ ได้ง่ายๆ ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อสุขภาพเหงือกที่แข็งแรง และรอยยิ้มที่มั่นใจ

ดูแลสุขภาพช่องปากในวันนี้ เพื่อรอยยิ้มที่สดใสในทุกๆ วัน

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคปริทันต์

โรคปริทันต์ระยะที่ 4 มีอาการอย่างไร?

  • ในระยะที่ 4 หรือระยะรุนแรงของโรคปริทันต์ ผู้ป่วยจะมีอาการเหงือกร่นอย่างเห็นได้ชัด ฟันโยกหรือขยับได้ อาจมีหนองหรือฝีที่ปลายรากฟัน และรู้สึกเจ็บปวดขณะเคี้ยวอาหาร กระดูกรองรับฟันจะถูกทำลายอย่างรุนแรง ซึ่งอาจต้องถอนฟันในที่สุดหากไม่เข้ารับการรักษาทันท่วงที

โรคปริทันต์ หายได้ไหม?

  • หากอยู่ในระยะเริ่มต้น เช่น เหงือกอักเสบ (gingivitis) โรคสามารถหายได้โดยไม่ทิ้งผลถาวรเมื่อได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แต่หากลุกลามเป็นปริทันต์อักเสบ (periodontitis) แม้จะไม่สามารถฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายได้ แต่สามารถควบคุมและป้องกันการลุกลามได้ด้วยการรักษาอย่างสม่ำเสมอ

โรคปริทันต์ในระยะที่ 2 จะก่อให้เกิดรอยโรคลักษณะใด?

  • ในระยะที่ 2 หรือระยะปานกลางของโรคปริทันต์ ร่องเหงือกจะลึกขึ้นประมาณ 3 มิลลิเมตร มีการทำลายเอ็นยึดฟันและกระดูกรองรับรากฟันบางส่วน อาจเริ่มมีเหงือกร่น ฟันโยกเล็กน้อย และอาจพบฝีเล็ก ๆ ใต้เหงือก

Overdenture คืออะไร?

  • Overdenture คือฟันปลอมที่ยึดติดกับรากฟันเดิมหรือรากฟันเทียม โดยมีความมั่นคงมากกว่าฟันปลอมแบบธรรมดา ช่วยเพิ่มความสบายในการเคี้ยว พูด และยิ้ม เหมาะสำหรับผู้ที่สูญเสียฟันหลายซี่แต่ยังมีโครงสร้างบางส่วนรองรับอยู่

รากฟันเทียม All-on-4 คืออะไร?

  • All-on-4 คือเทคนิคการฝังรากฟันเทียมเพียง 4 ตำแหน่งต่อขากรรไกร เพื่อรองรับสะพานฟันทั้งแถบ เป็นวิธีที่ประหยัดเวลาและงบประมาณในการฟื้นฟูฟันทั้งปาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีฟันเหลือน้อยหรือไม่มีฟันเลย

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น โรคเหงือก?

  • สัญญาณเบื้องต้นของโรคเหงือก ได้แก่ เหงือกบวม แดง มีเลือดออกง่ายขณะแปรงฟัน มีกลิ่นปากที่ไม่หายแม้จะทำความสะอาดอย่างดี หากพบอาการเหล่านี้ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากโดยทันตแพทย์เพื่อประเมินอย่างละเอียด

โรคปริทันต์ รักษายังไง?

  • การรักษาโรคปริทันต์ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง โดยเริ่มจากการขูดหินปูนและเกลารากฟันเพื่อลดการอักเสบ ในบางกรณีอาจต้องผ่าตัดเหงือกหรือใช้วิธีปลูกกระดูกและเนื้อเยื่อร่วมด้วย การติดตามผลอย่างต่อเนื่องทุก 6 สัปดาห์คือกุญแจสู่การควบคุมโรคในระยะยาว

โรคเหงือกอักเสบ เกิดจากอะไร ?

  • โรคเหงือกอักเสบเกิดจากคราบจุลินทรีย์ที่สะสมบริเวณแนวเหงือก หากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ แบคทีเรียในคราบเหล่านี้จะทำให้เหงือกอักเสบ บวม และมีเลือดออก ซึ่งเป็นระยะเริ่มต้นก่อนพัฒนาไปสู่โรคปริทันต์

อ่านเพิ่มเติม

ขาวขึ้นจาก2 ถึง9เฉด ใช้เวลาเริ่มต้นเพียง 20 นาที

คุณพร้อมรับรอยยิ้มที่สดใสหรือยัง?