การทำให้ฟันของคุณแข็งแรงขึ้น: คู่มือฉบับย่อสำหรับขจัดอาการเสียวฟัน

May 29, 2020

ใครบ้างที่ไม่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกที่เหมือนกับ “อาการสะดุ้งจี๊ด” หรือ อาการเจ็บแปล๊บข้างในฟันขณะกัดแท่งไอศครีมบนชายหาด? หรือ ตอนที่คุณเริ่มเคี้ยวพายแอปเปิ้ลร้อน ๆ ที่พึ่งออกมาจากเตาอย่างเอร็ดอร่อย?

บางคนอาจเคยสัมผัสถึงความรู้สึกนี้ แม้กระทั่งหลังการกัดเคี้ยวส้มเปรี้ยว ๆ เป็นอาหารเช้า หรือกระทั่งตอนที่สูดอากาศเย็นในวันที่หิมะตกและวันที่หนาวจัด

ความรู้สึกเหล่านี้เป็นที่รู้จักของอาการเสียวฟัน โดยประชากรถึง 57% ประสบปัญหานี้ ดังนั้นใครที่รู้สึกเช่นนี้อยู่บ่อยครั้งต้องตั้งใจอ่านเพราะสิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก

เกิดอะไรขึ้นภายในช่องปากของคุณ?

อาการเสียวฟันอาจเกิดจากปัจจัยหลักสองประการ

ประการแรกคือ เมื่อชั้นเคลือบฟัน (enamel) ที่สามารถปกป้องชั้นเนื้อฟัน (dentine) นั้นถูกทำลายบางส่วนหรือมีลักษณะบางลง (ซึ่งเพียงพอที่สามารถกระทบต่อประสิทธิภาพการปกป้องของชั้นเคลือบฟัน)

เมื่อชั้นเนื้อฟันถูกเปิดออก ปัจจัยที่เย็นจัดร้อนจัดหรือ เป็นกรดมากเกินไปทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบเมื่อสัมผัสโดนฟันซึ่งส่วนใหญ่คือ อาการปวดแปล๊บขึ้นสมอง

อีกสาเหตุหนึ่งคือ อาการเหงือกร่น โดยเหงือกที่ร่นจนถึงรากฟันนั้นจะสร้างความเจ็บปวดหรือความรู้สึกไม่สะดวกสบายเมื่อต้องทานอาหารที่เย็น/ร้อนจัด หรือมีความเป็นกรดสูง

 

การเปลี่ยนแปลงทั้งสองเกิดขึ้นโดยปัจจัยที่คล้ายกัน ซึ่งถูกรวบรวมไว้ในบทความนี้

ดูแลรักษาแต่อย่าทำลาย

หลายคนคิดว่าการออกแรงแปรงฟันเยอะหรือการขยับแปรงไปมาอย่างรวดเร็วจะช่วยให้มีสุขภาพช่องปากดีขึ้น แต่การกระทำเช่นนี้ นอกจากเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว ยังสามารถก่อให้เกิดปัญหาของฟันหลาย ๆ อย่าง รวมถึงอาการเสียวในฟันอย่างรุนแรง

การแปรงฟันที่ออกแรงมากเกินไปเป็นการทำลายชั้นเคลือบฟัน ซึ่งทำให้เนื้อฟันถูกเปิดออกและทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด

 

ดูว่า คุณทานอะไรเข้าไป:

ฮิปพอคราทีส บิดาแห่งการแพทย์ในสมัยกรีกโบราณ เคยกล่าวไว้ว่า “จงทานอาหารให้เป็นยา และจงทานยาให้เป็นอาหารของคุณ”

อย่างไรก็ตาม แม้ในอาหารที่เรียกว่า อาหารเพื่อสุขภาพ ยังมีปัญหาเรื่องความเป็นกรดสูง เช่น ส้ม, ส้มโอ, เกรปฟรุ๊ต, มะเขือเทศ, ช็อคโกแลตดิบ, เนื้อแดง และน้ำส้มสายชู ล้วนแล้วดีต่อสุขภาพแต่มีดัชนีความเป็นกรดสูง นั่นหมายความว่า ผู้บริโภคควรทานแต่พอประมาณ

ทุกคนควรเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทอัดลม, แอลกอฮอล์, กาแฟ, ชาบางชนิด, เครื่องดื่มชูกำลัง และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากโรงงาน เพื่อป้องกันอาการเสียวฟัน และเพื่อสุขภาพทั่ว ๆ ไป

การบริโภคน้ำตาลมากเกินความจำเป็นโดยเฉพาะอาหารที่มีรสหวานจัดทำให้เกิดปัญหาเช่นกัน เพราะจะทำให้ชั้นเคลือบฟันสึกหรอ และทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเหงือก

อีกปัญหาที่พบบ่อยโดยเฉพาะอาหารมังสวิรัต คือการบริโภคถั่วมากเกินไป เมล็ดพืชที่มีน้ำมันสูงเช่นนี้มักเกาะติดกับผิวฟันเช่นเดียวกับอาหารที่มีรสหวาน ซึ่งทำให้เกิดการสึกหรอของฟัน อาการเสียวฟันและปัญหาอื่น ๆ (ฟันผุ ฟันแตกร้าว ฯลฯ)

 

เรื่องของคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ:

บางคนคิดว่าการใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากปริมาณมาก ๆ จะช่วยทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกมากขึ้น เป็นเพียงความเข้าใจผิด

การใช้ยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากปริมาณมากเกินไปจะยิ่งทำให้ฟันสึกหรอและเนื้อเยื่อในช่องปากถูกทำลายซึ่งทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้นโดยเฉพาะอาการเสียวฟัน การปฏิบัติอย่างมีเหตุผลนั้น ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากที่เหมาะสมและการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างถูกวิธี

 

ทำตามสิ่งที่คุณหมอแนะนำอย่างเสมอ:

อย่างที่ทราบดีว่าก่อนเริ่มการปฏิบัติการด้านทันตกรรม เช่น การรักษารากฟัน การถอนฟัน หรือการครอบฟัน ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำต่างก่อนวันการรักษา

หลายคนไม่บอกเหตุผลถึงการละเลยคำแนะนำโดยคิดว่าเป็นเพียงคำแนะนำที่ไร้เหตุผล หรือไร้ประโยชน์ 

ทัศนคติที่ไม่ถูกต้องนี้ นำไปสู่ปัญหาหลายอย่าง ซึ่งปัญหาที่เกิดบ่อยที่สุดคือ อาการเสียวฟันหลังทำหัตถการทันตกรรม

 

ผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนจะประสบปัญหานี้ได้ง่าย:

บุคคลที่ทนทุกข์จากโรคกรดไหลย้อน (GERD; Gastro-Esophageal Reflux Disease) มักได้รับผลกระทบจากอาการแสบท้องและกรดที่ไหลย้อนจากกระเพาะอาหารไปยังหลอดอาหาร ซึ่งเหตุนี้ยังส่งผลกระทบต่อปากด้วย

การเกิดขึ้นเช่นนี้ยังทำลายชั้นเคลือบฟันและส่งผลกระทบต่อเหงือกอีกด้วย

อัตราของคนที่มีอาการกรดไหลย้อนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากอาการเสียวฟันเช่นกัน

 

รู้สึกหมดหนทางหรือไม่? อย่ากังวลเลย!

มีหลายวิธีในการสู้กับอาการเสียวฟัน การแก้ปัญหาส่วนใหญ่อาศัยแค่การปรับเปลี่ยนที่นิสัยเท่านั้น

ประการแรก เราขอแนะนำให้ผู้ที่ประสบปัญหานี้ ไปพบทันตแพทย์ที่ผ่านการรับรองเพื่อดูว่า มีแค่ปัญหาอาการเสียวฟัน หรือมีปัญหาร้ายแรงอื่นร่วมด้วย

หลังจากการวินิจฉัยโดยทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญ คุณอาจได้คำแนะนำเพิ่มเติม

 

แปรงฟันของคุณอย่างถูกวิธี:

หาคำแนะนำที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการแปรงฟันอย่างถูกวิธี การขยับตำแหน่งแปรงสีฟันและน้ำหนักการออกแรงแปรงฟันที่เหมาะสม เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของฟัน เหงือกและ เนื้อเยื่อในช่องปากของคุณ

 

เปลี่ยนมาทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างมากขึ้น:

เปลี่ยนจากการรับประทานอาหารที่มีความเป็นกรดสูงไปเป็นอาหารที่มีความเป็นด่างมากขึ้นซึ่งไม่ทำลายชั้นเคลือบฟัน

หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง รวมถึงเครื่องดื่ม เช่น โซดา (เครื่องดื่มอัดลม), กาแฟ, ชาดำ, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มชูกำลังเนื่องจากสิ่งพวกนี้ ทำให้ฟันของคุณเกิดภาวะเสียวฟันง่ายขึ้น

 

ใช้น้ำยาบ้วนปากและยาสีฟันที่เหมาะสม:

ธรรมชาติสอนเราว่า “อะไรที่มากเกินไปไม่ก่อประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นอุปสรรค์” ดังนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากในปริมาณที่พอดี โดยเน้นการแปรงที่มีคุณภาพและการใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

ย้ำอีกครั้งว่า ปฏิบัติตามที่หมอของคุณแนะนำ:

ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมที่มีความละเอียดอ่อนมาก (เช่น การถอนฟัน การรักษารากฟัน ฯลฯ) คุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

ยิ่งไปกว่านั้นการหลีกเลี่ยงอาการเสียวฟัน คุณก็สามารถป้องกันปัญหาร้ายแรงอื่น ๆ (เช่น เลือดออกตามไรฟัน ปัญหาการสมานแผลรักษา ฯลฯ ) และการฟื้นฟูจากการรักษาที่เร็วขึ้น

 

หลีกเลี่ยงอาการกรดไหลย้อน:

หากคุณเป็นโรคกรดไหลย้อน การเลี่ยงอาการของโรคนี้ให้ลดลงสามารถทำได้ โดยการทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างมากขึ้น ตามที่เราได้แนะนำไว้ก่อนหน้า

อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อนคือ การนอนฟูกฝั่งหัวเตียงที่สูงขึ้นในมุมลาดเอียงเล็กน้อย

 

บทสรุป:

อาการเสียวฟันเป็นปัญหาที่ค่อนข้างพบบ่อย โดยแทบไม่มีใครที่ไม่เคยมีความรู้สึกนี้มากก่อน อาการเสียวฟันมักเกิดจากการสึกหรอของชั้นเคลือบฟันหรือ ภาวะเหงือกร่น 

แม้ความรู้สึกแย่ ๆ เช่นนี้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่จำเป็นต้องมีความใส่ใจดูแล

อย่าละเลยการดูแลสุขภาพช่องปากของคุณและ ควรปฏิบัติตามคู่มือฉบับย่อนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องประสบอาการเสียวฟันอีกต่อไป

อย่าลืมส่งต่อเนื้อหานี้ให้คนอื่นได้ทราบถึงประโยชน์จากบทความนี้ 

บทความแนะนำ

ขาวขึ้นจาก2 ถึง9เฉด ใช้เวลาเริ่มต้นเพียง 20 นาที

คุณพร้อมรับรอยยิ้มที่สดใสหรือยัง?